สืบสานปณิธาน ประสานพลังสร้างสรรค์ “ธรรมิกชน”

ผู้เขียน: นายชนกภัทราณัฐ ข้าวหอม

 

          จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในหัวใจของชายตาบอดคนหนึ่ง คือ ดร. ประหยัด ภูหนองโอง แต่เป็นจุดเล็กๆ ที่เปี่ยมล้นด้วยพลังศรัทธาและความมุ่งมั่นในการนำพาคนตาบอดจากที่นั่ง “ก๊อจ๊อ”  (นั่งจับเจ่า) สู่การยืน “เจิ้นเทิ่น” (ยืนอย่างองอาจ) ในสังคม โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้คนตาบอดมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิทธิและโอกาสที่เท่าเทียม สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีชีวิตที่เป็นสุขและอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติศักดิ์ศรีเฉกเช่นมนุษย์คนอื่นในสังคม  จากจุดเริ่มต้นในบ้านเช่าครึ่งหลัง ครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่นและการเอื้ออาทรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พัฒนาสู่บ้านใหญ่หลายหลัง กระจายอยู่ทุกภูมิภาคประเทศไทย กลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีโครงข่ายซับซ้อน แต่ก็ยังยึดมั่นในทิศทางและเป้าหมายเดิม  จากจุดเริ่มต้นก่อเกิดการทำงานในปี 2521 ถึงปัจจุบัน  เป็นระยะเวลาการทำงาน  ๔๕ ปี ซึ่งบนเส้นทางการพัฒนานั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะจะต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคนานับประการ แต่ด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นของ ดร. ประหยัด ภูหนองโอง ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ กับคณะทำงานที่เข้มแข็งด้วยความทุ่มเทเสียสละ  และความช่วยเหลือของมหามิตร “ธรรมิกชน” (ชนผู้มีธรรม/คนดี) จึงเดินทางมาถึงวันนี้ได้ ซึ่งได้ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนตาบอดจำนวนมากให้มีดียิ่งขึ้นโดยการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและการพัฒนาคนพิการทางสายตาในเกือบทุกมิติของชีวิต

มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถือเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งที่จัดบริการเพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอด โดยมีองค์กรสาขาที่กระจายอยู่ภูมิภาคต่างๆ รวม  10  จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและที่ตั้งมูลนิธิสำนักงานใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดมหาสารคราม กรุงเทพมหานคร จังหวัดลพบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดนครนายก จังหวัดสงขลา และจังหวัดเชียงราย ซึ่งในแต่ละจังหวัดมีการตั้งหน่วยบริการที่เน้นการให้บริการในมิติชีวิตต่างๆ  ของคนตาบอด  โดย “ธรรมิกชน” ได้ตั้งสถานศึกษาในสังกัดรวม 10 แห่ง   ซึ่งจัดการศึกษาในระบบ ทั้งสายสามัญและสายอาชีพสำหรับคนตาบอดและคนตาบอดที่มีความพิการอื่นร่วมด้วย  โดยแต่ละแห่งจะมีจุดเน้นการพัฒนาที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ มูลนิธิยังได้ตั้งหน่วยบริการอื่นๆ อีกหลายแห่ง โดยอาจมีชื่อเรียกเป็น “ศูนย์” หรือ “สำนัก” ซึ่งแต่ละหน่วยบริการมีภารกิจเฉพาะของตัวเอง

          “ธรรมิกชน” ในวันนี้ ได้สร้างผลงานความสำเร็จมากมายบนเส้นทางของการสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอด โดยมีผลงานเชิงประจักษ์คือการขยายหน่วยงานที่ให้บริการคนตาบอดอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั่วทุกภูมิภาค และให้บริการกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายทุกเพศ ทุกวัยทุกเชื้อชาติและทุกศาสนา มีลูกศิษย์หรือผู้รับบริการที่ประสบความสำเร็จคือมีงานทำ มีอาชีพสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัว สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมมากมาย แม้ว่า บัดนี้ ดร. ประหยัด ภูหนองโอง ท่านผู้ก่อตั้งมูลนิธิ  วีระบุรุษของคนตาบอดไทยจะได้ล่วงลับจากพวกเราไปตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. พ.ศ. 2561 แต่ “มูลนิธิธรรมิกชนฯ” ก็จะยังคงอยู่ เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของท่านต่อไป แม้วันคืนจะเปลี่ยนผ่าน  แม้คนทำงานจะเปลี่ยนไปตามกาล แต่ทิศทางและเป้าหมายจะยังเหมือนเดิม ก้าวย่างต่อไปบนเส้นทางของการสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตาบอด  (Please Give Us a Chance) ด้วยอุดมคติที่ว่า เราจะไม่ทิ้งคนพิการคนใดไว้ข้างหลัง (No one left behind) และจะช่วยกันจุดคบไฟและส่งต่อแสงสว่างนำทางคนตาบอด เพื่อให้มีปัญญาและพลังศรัทธาที่จะพัฒนาตนเอง  ต่อไป